แปลงโรงสีข้าวสู่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
04 ส.ค. 2563 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
“ถ้าคุณไม่ดูแลป่า น้ำไม่มี คุณก็จะไม่ได้ใช้” คุณเดชา นทีไท เจ้าหน้าที่ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำแม่ละอุป เกริ่นถึงความสำคัญของการดูแลป่าต้นน้ำของชุมชนให้มีน้ำเพียงพอสำหรับใช้กับโรงสีข้าวพลังน้ำที่ดัดแปลงให้ใช้ผลิตไฟฟ้าไปได้พร้อม ๆ กัน
โดยแต่เดิมผืนดินอันเป็นถิ่นฐานของชาวปกาเกอะญอ ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ประสบปัญหารุกผืนป่าต้นน้ำจนเสื่อมโทรม ก่อนชาวบ้านหันมาจับมือกันและได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ร่วมด้วยมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์จนพลิกฟื้นผืนป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง จนได้รับการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ แห่งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2557
คุณเดชาเล่าให้ฟังว่า การที่ชุมชนร่วมด้วยช่วยกันดูแลแหล่งน้ำสำคัญ โดยเฉพาะลำห้วยแม่ละอุปทำให้ทุกวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่กลับมามีน้ำกินน้ำใช้ และมีน้ำเพื่อการเกษตรเพียงพอ การบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าชุมชน มีการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการจัดทำแผนที่น้ำ คำนวณสมดุลน้ำ วิเคราะห์และวางแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ สร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น และมีการติดตั้งโทรมาตรอัตโนมัติเพื่อดูปริมาณน้ำฝนและช่วยเตือนภัย
ที่สำคัญมีการวางระบบกระจายน้ำด้วยภูมิปัญญาในการผันน้ำและกระจายน้ำจากพื้นที่สูงผ่านนาขั้นบันไดสู่พื้นที่เกษตรและพื้นที่ชุมชน น้ำที่ส่งผ่านแปลงนาขั้นบันไดส่งต่อให้แปลงนาถัดไปใช้น้ำซ้ำได้ และกระจายน้ำผ่านท่อลอดใต้ถนน นำน้ำไปใช้ทำเกษตร รวมถึงใช้ในโรงสีข้าวพลังน้ำประจำชุมชน
โรงสีข้าวดังกล่าวเดิมเป็นศูนย์กลางการสีข้าวภายในชุมชน ซึ่งชาวชาวปกาเกอะญอจะนิยมปลูกข้าวพื้นถิ่นที่มีลักษณะเมล็ดสั้น เหนียวนุ่ม คล้ายข้าวญี่ปุ่น โดยจะปลูกสำหรับบริโภคเป็นหลัก แต่ภายหลังหลายครอบครัวมีโรงสีข้าวของตนเอง ทำให้โรงสีข้าวส่วนกลางที่มีอยู่เดิมเริ่มถูกทิ้งร้าง ไม่ได้ใช้งาน ทางมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ จึงแนะนำปรับปรุงเครื่องสีข้าวพลังน้ำให้เป็นเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำสำหรับทำเกษตร
โดยเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำมีความสูงหัวน้ำ 10 เมตร มีกำลังผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 7 กิโลวัตต์ (KW) ที่แรงดันไฟฟ้า 230 โวลต์ ได้กระแสไฟฟ้า 30 แอมป์ (A) โดยเครื่องสูบน้ำใช้ไฟ 1.5 กิโลวัตต์ ระหว่างทางมีจุดจ่ายไฟให้ชุมชนเพื่อประโยชน์จากไฟฟ้าในด้านอื่น ๆ อย่างเพียงพอ
การผลิตไฟฟ้าโดยเครื่องสีข้าวพลังน้ำใช้การผันน้ำบางส่วนจากห้วยแม่แจ่ม ไหลผ่านลำเหมือง เก็บกักน้ำไว้ที่สระเก็บน้ำ มีอาคารบังน้ำ บังคับน้ำเข้าสู่ท่อพีวีซี เส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร ความยาวท่อ 150 เมตร ที่ระดับความสูงที่ปากท่อเทียบกับกังหันน้ำ 10 เมตร นำพลังงานที่ได้จากกังหันน้ำมาขับเคลื่อนโรงสีข้าว ผ่านระบบสายพาน และสามารถนำพลังงานที่ได้จากกังหันน้ำมาใช้ผลิตไฟฟ้าเพื่อสูบส่งน้ำไปยังถังสำรองน้ำที่ระดับความสูง 50–60 เมตร
พลังงานไฟฟ้าที่ได้ช่วยให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 15 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรรวม 50 ไร่ หลายรายมีการปรับเปลี่ยนจากการทำพืชเชิงเดี่ยว เช่นการปลูกถั่วชนิดต่าง ๆ สู่การปลูกพืชผสมผสานตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ มีการปลูกพืชผักหลายหลายชนิด เลี้ยงสัตว์ มีแปลงทำเกษตรขนาด 5 ไร่ ของคุณเดชาเป็นต้นแบบ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีการดูแลผืนป่าต้นน้ำ และไร้ซึ่งน้ำอันเป็นพลังงานหมุนเวียนและเส้นเลือดสำคัญของชุมชนชาวปกาเกอะญอแห่งนี้
ที่มา: เกษตรกรก้าวหน้า