ปลูกอ้อย ระวัง เตือนภัยอากาศร้อนจัด ระวัง 2 แมลง บุกไร่อ้อย
23 พ.ค. 2566 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน มีฝนตกและลมแรงในบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ระวัง
ศัตรูตัวแรกที่ชาวไร่อ้อยต้องเฝ้าระวังนั่นคือ ด้วงหนวดยาวอ้อย โดยตัวหนอนของด้วงหนวดยาวอ้อยจะเริ่มเข้าทำลายตั้งแต่ระยะเริ่มปลูกอ้อยเจาะไชเข้าไปกัดกินเนื้ออ้อยภายในท่อนพันธุ์ ทำให้ท่อนพันธุ์ไม่งอก
เมื่ออ้อยมีลำแล้วการเข้าทำลายของด้วงหนวดยาวอ้อยจะทำให้กาบใบและใบอ้อยแห้งตายทั้งต้นหรือทั้งกออ้อย หนอนที่มีขนาดเล็กจะกัดกินบริเวณเหง้าอ้อย ทำให้การส่งน้ำและอาหารจากรากไปสู่ลำต้นและใบน้อยลง
และเมื่อหนอนมีขนาดใหญ่ขึ้นจะเริ่มเจาะไชจากส่วนโคนลำต้นขึ้นไปกินเนื้ออ้อย ทำให้ลำต้นเป็นโพรงเหลือแต่เปลือก ลำต้นอ้อยหักล้มและแห้งตายในที่สุด
วิธีป้องกันกำจัดด้วงหนวดยาวอ้อย สำหรับอ้อยปลูกใหม่ ให้ใช้วิธีผสมผสาน ได้แก่ วิธีกล ไถพรวนดินแล้วเก็บตัวหนอนและดักแด้ของด้วงหนวดยาวอ้อยตามรอยไถก่อนปลูกอ้อย และจับตัวเต็มวัยของด้วงหนวดยาวอ้อย หรือเดินเก็บในแปลงอ้อยช่วงพลบค่ำ การป้องกันกำจัดด้วยศัตรูธรรมชาติ ให้โรยเชื้อราเขียวเมตาไรเซียม อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่บนท่อนพันธุ์พร้อมปลูกแล้วกลบดิน
ส่วนในพื้นที่ที่มีการระบาดของด้วงหนวดยาวอ้อยอย่างรุนแรง ให้ป้องกันกำจัดด้วยสารเคมีตามคำแนะนำชนิดใดชนิดหนึ่ง ดังนี้ ชนิดน้ำ พ่นสารฆ่าแมลงฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรืออัตรา 320 มิลลิลิตรต่อไร่ บนท่อนพันธุ์อ้อยพร้อมปลูกแล้วกลบดิน ชนิดเม็ด โรยสารฆ่าแมลงฟิโพรนิล 0.3% G อัตรา 6 กิโลกรัมต่อไร่ บนท่อนพันธุ์อ้อยพร้อมปลูกแล้วกลบดิน
แมลงศัตรูพืชอีกชนิดหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังในไร่อ้อยในระยะนี้ แมลงนูนหลวง ตัวหนอนของแมลงนูนหลวงเข้ากัดกินรากอ้อยเป็นอาหาร อาการเริ่มแรกของอ้อยที่ถูกทำลาย คือใบอ้อยมีสีเหลือง ต่อมาใบอ้อยจะแห้งตายมากผิดปกติ ในที่สุดอ้อยจะแห้งตายไปทั้งกอ
หากมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมี ให้ใช้ในระยะที่เหมาะสม นั่นคือ ระยะหนอนเริ่มฟักออกจากไข่สารเคมีที่ใช้ได้ผล ฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยให้เปิดหน้าดินออกทั้งสองด้านของแถวอ้อย ห่างจากกออ้อยประมาณ 8 นิ้ว แล้วพ่นสารฆ่าแมลงไปตามร่องอ้อยที่เปิดหน้าดินออก เสร็จแล้วเอาดินกลบ หรือใช้เครื่องผ่าตอ แล้วใช้สารฆ่าแมลงพ่นลงไปในรอยผ่า
ขอบคุณภาพ-ข้อมูล
ดูได้ที่กล่อง PSI หมายเลข 72
ที่มา : เกษตรนิวส์ ข่าวเกษตร