ใครเจอปัญหานี้!? ปลูกมะพร้าวก็ไม่หวาน ปลูกส้มโอก็จืด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
10 ต.ค. 2565 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอ.ประเวศ แสงเพชร อดีตข้าราชการกรมวิชาการ ให้ความรู้ว่า มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์แท้ ทดสอบได้ตั้งแต่ระยะต้นกล้า เมื่อเด็ดส่วนรากมาดมก็หอม แม้จะนำไปปลูกในแหล่งอื่นๆ ก็ยังคงความหอมอยู่ได้ แต่จะให้ผลดกหรือไม่ดกนั้นขึ้นอยู่กับระดับน้ำใต้ดินของแหล่งปลูก
มะพร้าวน้ำหอม หรือ มะพร้าวแกง จะติดผลดีต้องมีระดับน้ำใต้ดินลึกไม่เกิน 1 เมตร ระดับน้ำใต้ดินยิ่งลึกความสามารถในการติดผลก็จะต่ำลงเป็นลำดับเช่นกัน ดังนั้น พันธุ์มะพร้าวที่คุณซื้อมาปลูกน่าจะเกิดจากเหตุเดียวคือได้ต้นพันธุ์ที่ไม่ใช่พันธุ์มะพร้าวน้ำหอมแท้มาปลูก
อย่างไรก็ตาม การใช้ปุ๋ยอาจช่วยเพิ่มความหวานของน้ำมะพร้าวได้คือ การใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 สูตรใดสูตรหนึ่งตามที่จะหาได้สะดวก ในระยะติดผลหรือก่อนติดผลเล็กน้อย อัตราครึ่งกิโลกรัม หรือ 1 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับอายุของต้นไม้ ด้วยการหว่านรอบต้นและรดน้ำตามจึงจะได้ผลดี
ปุ๋ยตัวท้ายสูงคือ 21 หมายถึง ปุ๋ย 100 กิโลกรัม จะมีโพแทสเซียม (K) 21 กิโลกรัม ธาตุอาหารชนิดนี้มีบทบาทสำคัญช่วยในการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลจากใบไปยังผลของต้นไม้ ส่งผลให้ผลไม้มีรสหวานมากขึ้น กลิ่นหอมก็อาจเพิ่มขึ้นบ้างแต่คงไม่มาก เนื่องจากความหอมถูกควบคุมด้วยพันธุกรรม อิทธิพลภายนอกจะมีผลต่อความหอมในปริมาณที่ต่ำกว่าความหวาน
ส่วนในกรณีของส้มโอ ก็ให้ใช้สูตรปุ๋ย เวลา และอัตราเดียวกันกับที่ได้อธิบายไปข้างต้น
อีกปัจจัยหนึ่งคือ “น้ำ” ที่นับว่ามีความสำคัญมากในการปลูกมะพร้าว เนื่องจากมะพร้าวมีการวิวัฒนาการและปรับตัวได้ดีในแหล่งที่มีน้ำบริบูรณ์มาเป็นเวลาช้านาน สามารถทนต่อน้ำเค็มได้ดี ผลมะพร้าวแห้งสามารถล่องลอยไปในทะเลจากเกาะหนึ่ง ไปอีกเกาะหนึ่งเมื่อเกยตื้นจะแทงรากและหน่อเจริญเติบโตได้ดีที่บริเวณชายหาด และสามารถสืบเผ่าพันธุ์ต่อไปได้อย่างปกติสุข
ขอบคุณข้อมูล
https://www.technologychaoban.com/agricult.../article_172034
ปรึกษาปัญหาเกษตรโทร.02-104-9999
ที่มา เกษตรนิวส์ ข่าวเกษตร