ต้องเคลียร์‼️เกษตรฯเตือนเจ้าของไร่ทานตะวัน เฝ้าระวัง ‘เพลี้ยจักจั่นฝ้าย’ ภัยเงียบมาพร้อมลมหนาว-แนะวิธีป้องกัน
15 ธ.ค. 2564 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมลมหนาวเริ่มมาเยือน ฝนเริ่มจะจางหาย กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกทานตะวันเตรียมรับมือ เพลี้ยจักจั่นฝ้าย แม้จะเป็นแมลงศัตรูพืชปากดูดที่มีระบาดได้ทั้งปี แต่การระบาดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อฝนทิ้งช่วงไปนาน
เพลี้ยจักจั่นฝ้าย ตัวเต็มวัยมีสีเขียวอ่อน ตาสีขาว มีปีก ลำตัวยาวประมาณ 3.0-3.2 มม. โดยเพศเมียจะบินวางไข่ในเนื้อเยื่อเส้นกลางใบหรือก้านใบ ส่วนตัวอ่อนมีรูปร่างคล้ายตัวเต็มวัย แต่ไม่มีปีกและมีขนาดเล็กกว่า
ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะเข้าทำลายต้นทานตะวันในระยะต้นกล้า ด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบพร้อมทั้งปล่อยสารพิษลงบนใบ ทำให้เกิดอาการที่เรียกกันว่า hopper burn ด้วยใบที่ถูกกินมีอาการเหี่ยวเฉาคล้ายถูกน้ำร้อนลวก วันต่อมาใบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ แห้งและกรอบเป็นสีน้ำตาลแดงในที่สุด
หากระบาดรุนแรง ใบทานตะวันจะเหี่ยวแห้งและร่วงไปในที่สุด กรณีที่พบการเข้าทำลายในระยะต้นกล้าจะส่งผลทำให้ต้นทานตะวันชะงักการเจริญเติบโต และต้นแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต
การป้องกันกำจัด
เกษตรกรควรหมั่นสุ่มสำรวจต้นทานตะวันทุกสัปดาห์ หากพบตัวอ่อนเพลี้ยจักจั่นฝ้ายมากกว่า 2 ตัวต่อใบ ในระยะที่ต้นทานตะวันอายุไม่เกิน 45 วัน ให้เกษตรกรพ่นป้องกันกำจัดด้วยสารฆ่าแมลง อิมิดาโคลพริด 70% ดับเบิลยูจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไทอะมีทอกแซม 25% ดับเบิลยูจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อะซีทามิพริด 20% เอสพี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ บูโพรเฟซิน 25% ดับเบิลยูพี อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
ขอบคุณข้อมูล
https://www.thairath.co.th/news/local/2258375
ปรึกษาปัญหาเกษตรโทร.02-104-9999
ช่องทำเกษตรอินทรีย์ https://bit.ly/เกษตรเพียวเพียว
ที่มา : เกษตรนิวส์ ข่าวเกษตร