6 พฤติกรรม ที่ทำแล้วมือถืออาจถูกแฮ็ก
19 เม.ย. 2564 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม1.มือถือไม่มีรหัสผ่าน
- มีคนพูดว่ามือถือไม่ได้มีข้อมูลสำคัญอะไร ล็อคทำไมให้ยุ่งยาก ซึ่งไม่จริง พราะในมือถือทุกวันนี้มีข้อมูลส่วนตัว การเงิน หรือแม้กระทั่งใช้เพื่อการยืนยันรหัสผ่าน 2 ชั้น จึงควรตั้งรหัสผ่านมือถือเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้โดยง่าย
2.ไม่ใช้ระบบยืนยันตน แบบ 2 ปัจจัย
- แม้จะต้องเพิ่มขั้นตอนการยืนยันตัวให้มากขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยความปลอดภัยที่มากขึ้นด้วย บางบริการที่มีความสำคัญของข้อมูลหรือต้องการความปลอดภัยที่มากขึ้นควรทำการเปิดระบบยื่นยันตนแบบ 2 ปัจจัย มันไม่ยากอย่างที่คิด
3.ไม่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ใน GOOGLE PLAY หรือ APP STORE
- ควรติดตั้งแอปพลิเคชันเฉพาะจาก GOOGLE PLAY หรือ APP STORE เท่านั้นเพราะOFFICIAL STORE จะมีการตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ชัดเจน ช่วยให้มั่นใจได้ในระดับนึงว่าจะไม่เจอมัลแวร์ และที่สำคัญควรมาจาก DEVELOPER ที่น่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน
4.ไม่ลง Antivirus
- ติดตั้งชอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยในมือถือ ควรเลิกความเชื่อผิด ๆ ที่บอกว่าจะทำให้มือถืออึด และช้า ออกไปมีป้องกันไว้ดีกว่ามือถือติดมัลแวร์แบบไม่รู้ตัวจะดีกว่า
5.ไม่อัปเดตชอฟต์แวร์มือถือ
- การกดอัปเดตมือถือที่คุณใช้ คืออีกหนึ่งตัวช่วยอัปเดตระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่ายมือถือ แก้ปัญหาช่องโหว่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวอร์ชันเดิม
6.ชอบใช้ WI-FI สาธารณะ
- จงอย่าไว้ใจ WIFI ฟรี ที่เปิดให้ใช้โดยไม่มีการตรวจสอบด้านความปลอดภัย เพราะอาจเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์ สามารถเข้ามาดักจับข้อมูลฝังมัลแวร์ หรือขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ ถ้าเลี่ยงไม่ได้อาจต้องใช้งานผ่าน VPN
ที่มา : บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
#ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter