ฉ้อโกงประชาชน ไม่ได้ดูที่จำนวนคน แต่ดูที่เจตนา
08 ก.ค. 2563 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(repost) ลักษณะที่เข้าข่าย "หลอกลวงประชาชน" ได้ คือ มีเจตนาแสดงความเท็จต่อประชาชนเป็นสำคัญโดยจะพิจารณาจาก "วิธีการในการหลอกลวง" "จำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง" มาประกอบด้วยเท่านั้น (เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6645-6646/2548)
หากมีผู้สนใจก็จะหลงเชื่อตามคำหลอกโฆษณาของผู้กระทำผิดที่หลอกไว้ ลักษณะนี้อาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็ "ต้องพิสูจน์เจตนา" ของผู้กระทำความผิดดูข้อเท็จจริงเป็นกรณีๆ ไป
ตัวอย่าง การกระทำที่เข้าข่าย ฉ้อโกงประชาชน เช่น
• โฆษณาชวนเชื่อเรื่องการจัดหางาน
• โฆษณาชวนเชื่อให้สอบข้าราชการได้
• โฆษณาชวนเชื่อเรี่ยรายเงินเพื่อกระทำการบางสิ่งบางอย่าง
เมื่อมีคนหลงเชื่อจ่ายเงินตามคำชวนเชื่อแล้วไม่ได้ทำอย่างที่โฆษณาไว้ ลักษณะการกระทำแบบนี้จะเห็นได้ว่าผู้กระทำผิดไม่ได้มุ่งหมายหลอกเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ดังนั้น ถ้าผู้กระทำความผิดมีเจตนาทุจริตที่จะหลอกคนทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแม้จะมีคนหลงเชื่อเป็นผู้เสียหายเพียงคนเดียวหรือสองคนไม่มากก็เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนได้
ที่มา: ETDA THAILAND