กอปภ.ก.ประสานศูนย์ ปภ.เขต และจังหวัดเฝ้าระวัง เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักและลมกระโชกแรง 20 - 25 ก.ย.นี้
21 ก.ย. 2562 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) ติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำท่า และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ รวมถึงกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 ลงวันที่ 19 ก.ย.62 แจ้งว่า ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ช่วงวันที่ 19 – 22 ก.ย.62
จากนั้นบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ขณะที่ประเทศไทยยังมีอากาศร้อนชื้น ทำให้อากาศแปรปรวน ลมกระโชกแรง ฝนฟ้าคะนอง ฝนตกชุกหนาแน่น และฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้ง กทม. ช่วงวันที่ 21 – 22 ก.ย.62
ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 3 – 5 องศาเซลเซียส ช่วงวันที่ 23 – 25 ก.ย.62
พื้นที่ที่ต้องติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก และลมกระโชกแรง แยกเป็น
ภาคเหนือ ทุกจังหวัด
ภาคอีสาน ได้แก่ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง ทุกจังหวัด
ภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต
พื้นที่ที่จะมีอุณหภูมิลดลง แยกเป็น
ภาคเหนือ ทุกจังหวัด
ภาคอีสาน ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่นมหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
ภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี ชัยนาท ลพบุรี และสุพรรณบุรี
กอปภ.ก. ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว เตรียมพร้อมป้องกันและรับมือสถานการณ์ภัย โดยกำชับให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. ควบคู่กับการจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที พร้อมแจ้งเตือนประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองฝนตกหนัก ฝนตกสะสม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มต่ำ
ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชม.
ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์