หากสามารถทำได้ 3-6 เดือนที่กำหนดไว้ และกระทรวงฯ ยืนยันว่า เป็นข่าวปลอม ทางแพลตฟอร์มเอกชน เช่น Facebook , IG, LINE จะให้ความร่วมมือลบหรือตัดออกจากแพลตฟอร์มหรือต้นทางได้ในอนาคต

ทั้งนี้ การให้ความรู้เยาวชนและประชาชนในการวิเคราะห์ข่าวต่างๆที่จะรับเข้ามาเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหากสามารถวิเคราะห์ได้ว่าข่าวใดเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม ก็จะช่วยให้ข่าวปลอมหยุดการเผยแพร่ได้ทันที เพราะจะไม่มีการแชร์ต่อ

ด้าน ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท LINE ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ข่าวปลอมในปัจจุบันว่า สำหรับแพลตฟอร์ม LINE มีช่องทาง LINE TODAY ที่รวบรวมคอนเทนต์ทั้งสาระความรู้และข่าวสารประจำวันจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้กว่า 160 แหล่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างวางใจ

"LINE" รับรู้และติดตามถึงปัญหาสังคมที่เกิดจาก "ข่าวปลอม" อย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มวางแผนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาดังกล่าว

ประเด็นข่าวปลอมที่กำลังกลายเป็นวิกฤติทุกวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในประเทศไทย หรือบางประเทศในเอเชียเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วโลก หลายๆ ประเทศได้เริ่มออกกฎหมายมาจัดการกับข่าวปลอม แต่กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น เพราะการจะหยุดการเกิดและการแพร่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม

รัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับวิกฤติข่าวปลอม โดยล่าสุดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้จัดตั้งศูนย์สกัดกั้นข่าวปลอม (เฟคนิวส์ เซ็นเตอร์ ) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประชาชนตื่นตัว

"LINE" ในฐานะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก มีความใกล้ชิดกับปัญหาข่าวปลอมที่เกิดขึ้น จึงถือเป็นหน้าที่ ที่จะมีบทบาทในการร่วมแก้ปัญหาวิกฤติข่าวปลอมที่กำลังเกิดขึ้นด้วยการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นให้กับประชาชนทั่วไป

โดยบริษัท ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น ประเทศเกาหลี ได้ริเริ่มจัดโครงการ STOP LINE ในฐานะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก มีความใกล้ชิดกับปัญหาข่าวปลอมที่เกิดขึ้น จึงถือเป็นหน้าที่ ที่จะมีบทบาทในการร่วมแก้ปัญหาวิกฤติข่าวปลอมที่กำลังเกิดขึ้นด้วยการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นให้กับประชาชนทั่วไป

ชมคลิป: คลิก

ที่มา: ข่าวจริงประเทศไทย

ภาพ: bluechipthai