ตั้งตัวกันใหม่‼กรมวิชาการเกษตรลงพื้นที่ แนะวิธีกู้แปลงผักหลังน้ำลด ชี้ต้องฟื้นฟูสภาพดินให้เหมาะสมก่อน
25 พ.ย. 2564 / กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้แปลงปลูกผักบางพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการถูกนํ้าท่วมขัง เพราะพืชผักส่วนใหญ่มีระบบรากตื้น น้ำท่วมขังนานเกินกว่า 5-7 วัน ผักมักจะตายยกแปลง และหากท่วมขังนานหลายสัปดาห์ ยังส่งผลให้โครงสร้างของดินเสียหายไปด้วย เมื่อน้ำลดเกษตรกรจะไม่สามารถปลูกผักได้ทันที ต้องมีการฟื้นฟูสภาพดินให้เหมาะสมก่อน
“จึงขอแนะนำวิธีการเตรียมดินและการจัดการดิน หลังน้ำลดขณะที่ดินยังเปียก ห้ามคนและสัตว์เลี้ยงเข้าไปเหยียบย่ำในแปลง ปลูก รวมถึงห้ามนำเครื่องจักรเข้าไปด้วย เพราะจะทำให้ดินอัดตัวแน่น ระบายน้ำได้ไม่ดี และดินจะแข็งตัวเมื่อเริ่มแห้ง ส่วนกรณีพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ควรหาทางระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ขุดร่องระบายน้ำเพื่อให้น้ำไหลออกจากแปลงโดยเร็ว”
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร แนะอีกว่า เมื่อพื้นที่เริ่มแห้ง ดินแห้งพอที่จะเข้าไปปรับสภาพดิน ให้ไถพรวนและตากดินไว้ 2-3 วัน เพื่อเร่งให้ดินแห้งมากขึ้น และควรหาปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกเก่ามาใส่คลุกเคล้าดินเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ และทำให้โครงสร้างดินมีสภาพเหมาะสมสำหรับการปลูกมากขึ้น โดยเกษตรกรอาจจะใส่ปูนขาวหรือโดโลไมท์ช่วยในการปรับปรุงดิน เพื่อป้องกันปัญหาโรครากเน่าด้วย
ซึ่งการเลือกชนิดผักที่จะปลูก ควรเลือกผักที่มีอายุสั้นเก็บผลผลิตได้เร็ว เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ และควรเป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี เช่น พริกขี้หนู ผักกาดหอม ผักกาดหัว ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาวปลี กะหล่ำปลี ผักชีไทย หอมแบ่ง โหระพา แมงลัก คะน้า กะเพรา ผักบุ้งจีน ผักกวางตุ้ง มะระจีน บวบเหลี่ยม ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ มะเขือยาว และแตงกวา โดยคำนึงถึงความต้องการของตลาดในพื้นที่ด้วย
วิธีการปลูก นายเข้มแข็ง มีคำแนะนำ หากพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังหรือดินยังแฉะอยู่มาก เกษตรกรสามารถเตรียมปลูกล่วงหน้าด้วยการเพาะกล้า เพราะตั้งแต่หยอดเมล็ดถึงย้ายปลูกใช้เวลา 10-20 วัน จะตรงกับช่วงดินในแปลงแห้งพอเหมาะและทันรับการปรับปรุงสภาพดิน วิธีการนี้นอกจากจะสามารถปลูกผักได้ทันทีเมื่อดินแห้งแล้ว ยังมีข้อดีคือผักจะเจริญเติบโตได้ดีกว่าปลูกลงในแปลงโดยตรง
ส่วนกรณีพื้นที่เริ่มมีสภาพแห้งสามารถขุดดินได้แล้ว ควรเตรียมดินปลูกไว้ โดยอาจใช้วิธีการหว่านเมล็ด หรือหยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยให้ระยะห่างระหว่างต้นพอสมควร หลังจากนั้นให้ใช้น้ำปูนใสรดต้นกล้าและต้นผักอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อราได้ การดูแลรักษา เกษตรกรควรมีการใส่ปุ๋ย และดูแลป้องกันกำจัดโรคแมลงอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำ
“แต่มีข้อควรระวัง หากดินยังมีความชื้นอยู่มาก ควรปรับปรุงดินด้วยปูนขาว 200–300 กก.ต่อไร่ รวมทั้งการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา (เชื้อราสีเขียว) เติมลงในดินด้วย จะช่วยทำให้ป้องกันโรครากเน่าในผักได้ รวมทั้งดูแลเรื่องการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเมล็ดงอกและเจริญเติบโตเป็นต้นกล้า หากดินเริ่มแห้งมากขึ้น ต้องให้น้ำพอประมาณเพื่อไม่ให้ดินรัดต้นกล้าจนทำให้พืชตาย และไม่ควรปลูกผักให้แน่นเกินไป เพื่อป้องกันเชื้อรา” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าว
ขอบคุณข้อมูล
https://www.thairath.co.th/news/local/2243933
ปรึกษาปัญหาเกษตรโทร.02-104-9999
ช่องทำเกษตรอินทรีย์ https://bit.ly/เกษตรเพียวเพียว
ที่มา : เกษตรนิวส์ ข่าวเกษตร